ล้างพิษ

   

   

 

 สุขภาพดีด้วยโยเกิร์ต โยเกิร์ตคือ นมสดที่นำมาหมักกับเชื้อจุลินทรีย์จนน้ำตาลแลกโตสในนมเปลี่ยนเป็นกรดแลคติก ทำให้นมมีรสเปรี้ยวและมีความข้นจนเป็นลิ่ม การกินโยเกร์ตเป็นประจำจะช่วยให้ลำไส้มีแบคทีเรีย

ที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ช่วยแก้อาการท้องเสียรังได้ การกินโยเกร์ตนั้นให้สารอาหารครบถ้วนเหมือนการดื่มนม แต่ไม่ทำให้ท้องเสียเหมือนบางคนมักเป็นเวลาดื่มนม นอกจากนั้นโยเกร์ตยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น

ช่วยกระตุ้นสารแอนตี้บอดี้และเพิ่มปริมาณสาร อินเฟอร์รอน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคสารไขมันธรรมชาติในโยเกร์ตคล้ายฮอร์โมน ที่เรียกว่า พรอสตาแกลนดิน อี (Prostaglandin E2) ซึ่งทำ

หน้าที่ ช่วยปกป้องผิวกระเพาะจากสารกระตุ้นต่างๆ เช่น แอลกอฮอร์และบุหรี่ และการกินโยเกร์ตยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดมะเร็งในบริเวณเนื้อเยื่อกระดูก ลดระดับโคเรสเตอรอลในเม็ดเลือดได้ บำรุงผิวพรรณ

    สูตรพอกหน้าด้วยโยเกร์ต

ขั้นแรกล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งแล้วนำโยเกร์ตชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้ มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดคลึงเบาๆพอกไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง รับรองผิวหน้าจะเปล่งปลั่งสดใสแน่นอน

  ใบบัวบก...ประโยชน์ที่มากกว่าแก้ช้ำใน นึกถึงใบบัวบกทีไร ก็ต้องนึกถึงสรรพคุณแก้ช้ำในทุกครั้งไป แต่นอกจากการแก้ช้ำในแล้ว ใบบัวบกยังมีประโยชน์มากกว่านั้น การทานใบบัวบก

จะช่วยบำรุงสมอง ทั้งช่วยซ่อมแซมสมองส่วนที่ถูกทำลายไปแล้ว และช่วยป้องกันสมองส่วนที่ยังปกติดีอยู่นั้นถูกทำลาย ช่วยให้ความจำมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดความเครียดได้ด้วย

   สารไกลโคไซต์ (Glycosides)ในใบบัวบกช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระที่จะทำให้เซลต่างๆในร่างกายเสื่อมเร็ว และสารตัวนี้ยังช่วยสร้างคอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น ช่วยสร้างเนื้อเยื่อ ลดการติดเชื้อ

 น้ำใบบัวบก ใช้ต้นบัวบกสด ล้างน้ำให้สะอาด ตำหรือใส่เครื่องปั่น เติมน้ำสุกลงไปพอประมาณ กรองเอากากออกจะดื่มน้ำคั้นสดหรือเติมน้ำเชื่อมเล็กน้อยก็ได้           

     ใบแปะก๊วย...ช่วยแก้ความจำเสื่อม ใบแปะก๊วยสกัดมีสารประกอบที่มีหน้าที่เสมือนตัวจับอนุมูลอิสระหรือเป็นแอนตี้ออกซิเด้นท์ (Antioxidant) ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการทำลายจากอนุมูลอิสระ ช่วยบรรเทาโรคและลดภาวะต่างๆที่เรามักพบในกลุ่มผูสูงอายุ เช่น โรคความจำเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ โรควิตกกังวล เป็นต้น

 

บำบัดไมเกรน ด้วยอาหารสำหรับคนที่เคยประสพกับการปวดหัวข้างเดียวหรือที่เรียกว่า โรคไมเกรน บางคนรู้สึกแค่ปวดตุบๆ แต่บางคนเป็นถึงคลื่นไส้ อาเจียน การรักษานั้นไม่สามารถทำให้หายขาดได้ เพียงแต่เป็นการลดความรุนแรงของอาการเท่านั้นเอง

   สาเหตุของโรคเกิดจากความเครียด การอดนอน สภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนั้น อาหารก็มีส่วนในการกระตุ้นให้เกิด อาการปวดหัวข้างเดียวได้ ช็อกโกแลต มีสารในกลุ่มเอมีน ซึ่ง

มีผลต่อการลดระดับสารเซโรโทนิน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมเสียงกับความปวด และการหดหรือขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับโรคไมเกรน

 ชาเขียวใบหม่อน  ชาชนิดนี้ไม่ทำให้เกิดอาการท้องผูกและไม่กระตุ้นประสาท เนื่องจากว่า ชาเขียวใบหม่อนนั้นไม่มีรสฝาดและขมจากสารแทนนินซึ่งทำให้ท้องผูก และสารคาเฟอินมีน้อยมาก คือมีเพียง 0.01 เปอร์เซนต์

นอกจากนั้นยังมีสารกาบ้า(gaba) ซึ่งมีคุณสมบัติปรับลดความดันโลหิต มีสารฟายโตสเตอโรล (Phytosterol) ที่มีประสิทธิภาพลดระดับโคเรสเตอรอล และสารดีอ็อกซิโนจิริมายซิน (Deoxynojirimycin) ที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และในชาเขียวใบหม่อนยังมีแคลเซียมในปริมาณมากไม่แพ้นมสดอีกด้วย                  

  สัญญาณอันตรายเมื่อ ไขมันในเลือดสูงขึ้น เมื่อพูดถึงไขมันสูงนั่นคือ โคเรสเตอรอล ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายและมากที่สุดในกระแสเลือด มีหน้าที่สำคัญในการสร้างผนังเซลล์และสร้างฮอร์โมนบางชนิด โคเรสเตอรอล จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้

เมื่อ โคเรสเตอรอล อยู่ในกระแสเลือดจะจับตัวกับโปรตีน เรียกว่า ไลโพโปรตีน ตรงนี้เองที่ทำให้ โคเรสเตอรอล แบ่งเป็นหลายชนิด

หนึ่ง คือ ชนิดมีความหนาแน่นต่ำ -LDL หรือที่เรียกว่า 'ตัวร้าย' เพราะทำให้เส้นเลือดเปราะและแข็ง เมื่อมีมากๆทำให้เลือดไหลเวียนลำบาก หากเกาะที่ตับทำให้ตับแข็ง เกาะที่ไตก็ทำให้เป็นโรคไตหรือนิ่วที่ไต เกาะที่ถุงน้ำดีก็ทำให้เป็นนิ่วที่ถุงน้ำดี ทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย และในสตรีมีครรภ์ก็อาจทำให้ครรภ์เป็นพิษได้ เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ก็เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต

                        อีกหนึ่ง คือโคเรสเตอรอล -HDL  หรือเรียกว่า 'ตัวดี'  เพราะเป็นตัวนำ โคเรสเตอรอล กลับมาทำลายที่ตับ ไขมันอีกตัว คือ ไตรกลีเซอร์ไรต์ เป็นตัวที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด โดยมีโคเรสเตอรอล ชนิอที่มีความหนาแน่นต่ำมาก -VLDL เป็นตัวนำ ไตรกลีเซอร์ไรต์ ไปจับหลอดเลือดและเปลี่ยนให้เป็น -LDL

เราสามารถตรวจหาค่า โคเรสเตอรอล และ ไตรกลีเซอร์ไรต์  ในกระแสเลือดได้ จากการตรวจเลือด โดยควรงดอาหารทุกชนิด 12 ชั่วโมงก่อนตรวจค่า โคเรสเตอรอล ปกติไม่ควรเกิน 200 mg/dl ค่า LDL ปกติคือไม่เกิน 130  mg/dl ส่วนค่า  HDL ต้องไม่ต่ำกว่า 35 mg/dlในผู้ชาย และ ไม่ต่ำกว่า 45 mg/dl และค่า ไตรกลีเซอร์ไรต์ ไม่ควรเกิน 200 mg/dl  

                                         

     อาหารที่ควรรับประทานเป็นประจำเพื่อช่วยลดค่า LDL

 1.รับประทานปลาทะเลสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ช่วยให้หัวใจทำงานเป็นปกติ ช่วยลดความดันโลหิต

 2.รับประทาน ถั่วเมล็ดแห้งสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ช่วยลด LDL

 3.รับประทานผักในตระกูลครูซิเฟอร์รัส ทุกวัน เช่น คะน้า บร็อกโครี่ ดอกกระหล่ำ

 4.รับประทานผักที่มีสีสร ทุกวัน เช่น แครอต กระหล่ำปลีม่วง

 5.รับประทานผลิตภัณท์ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี

 6.ใช้น้ำมันเหล่านี้ในการประกอบอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าว

 7.รับประทานนมพร่องมันเนย

 8.ควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานแต่ละมื้อ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ไม่ควรเกิน 200 กรัม

 9.ควบคุมคอลเลสเตอรอลในอาหารไม่ควรเกิน 200-300 มิลลิกรัม

10.รับประทานกระเทียมสดวันละ 1-1.5 หัว

 

                                                                            

 

                        ร้านตั้งจิวหลง โทร.082-340-2078

                                                           jewlongt@yahoo.com

        Click กลับสู่หน้าร้านจิวหลงเครื่องเทศ jewlong herb&spice